ผักทาวน์เฮ้าส์ ในวันที่เราไม่มีงาน
- พิเชษฐ หมวดนา
- 20 เม.ย. 2563
- ยาว 1 นาที
ปี 2563 ประเทศไทยเราตกอยู่ในภาวะวิกฤตของโรคระบาดในทุกพื้นที่อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานลูกจ้าง ผู้ขายแรงงานในเมืองใหญ่ ที่แม้แต่ผักพื้นบ้านยังต้องซื้อ
ในภาวะที่ต้องประหยัดและอดออม หลายคนเริ่มมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตัวเองในหน้าตาราง Excell ของเครื่องคอมพิวเตอร์ (บริษัท)...ถึงกับต้องอุทาน " เชรดดดดดด!! แม้แต่ผักบุ้ง ผักกวางตุ้งฉันก็ยังต้องซื้อ "
ความวิตกกังวลกับอนาคตเป็นอะไรที่ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกตายได้ง่ายๆ อย่ากระนั้นเลยหากเราปรับเปลี่ยนเอาเวลามานั่งคิดถึงวิธีการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิตออกไปเสียบ้าง เราจะยังมีเงินเหลือไว้ใช้ในอนาคตได้อีกระยะยาวๆ

กวางตุ้งฮ่องเต้ แน่นอนหลายๆ คนรู้จักผ่านภัตตาคารร้านสุกี้ในราคา 40-50 บาท ได้มา 5-6 ต้น แล้วบรรจงวางลงไปในหม้อเพราะกลัวหล่นจากมือ กินไปกินมา อ่าวววว มันอร่อยแต่ทำไมรสชาติมันดูจืดๆ (ก็แน่ล่ะไม่ได้ปลูกเอง)
การปลูกผักมันเป็นเรื่องยากสำหรับบรรดาผู้ที่ทำงานประจำ ไปเช้า-เย็นกลับ ไม่มีแม้กระทั่งเวลาออกกำลังกายตอนเช้า นับประสาอะไรกับการปลูกผัก ที่สำคัญพักอยู่อพาร์ทเม้นต์ คอนโด เต็มที่ก็บ้านทาวน์เฮ้าส์ที่มีแต่พื้นซีเมนต์ ดังนั้นวิธีการที่สะดวกกับการดำเนินชีวิตคือ " ซื้อ "
จึงเป็นที่มาของปัจจัยที่ 5 นั่นคือ " เงิน " แต่ก็หลายคนอีกนั่นล่ะลืมที่จะคิดถึงปัจจัยที่ 1 ของแบบเรียนชั้นประถม ใช่ครับ " อาหาร "
" อาหาร " เป็นปัจจัยแรกที่เรารู้จักกัน แต่ไฉนเราไม่คิดที่จะสร้างแหล่งอาหารของเราเอง การสร้างแหล่งอาหาร ก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ลดค่าครองชีพ ที่สำคัญคือลดการปนเปื้อนของสารเคมี (เพราะเราปลูกเอง เราย่อมรู้ซึ้งถึงความปลอดภัย) หากพื้นที่เป็นข้อจำกัด เราก็บริหารจัดการพื้นที่ที่เรามี ให้ได้ประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วยังไงต่อ?...ก็วางหลังห้องเช่า วางหน้าทาวน์เฮ้าส์ เท่านั้นเอง
" เมื่อไม่มีดิน ก็หาดิน " หาจากไหน? ก็หาจากข้างถนนบ้างอะไรบ้าง...เห็นมั๊ยไม่ต้องซื้อ แล้ว...แปลงผักล่ะ? ถ้าหาไม้ข้างถนนมาทำแนวกันดินไม่ได้ ก็เศษวัสดุเหลือใช้ พวกกะละมัง ถังแตกหลังบ้าน (ของเพื่อนบ้านก็ได้)

พื้นที่? ก็ในเมื่อหาดิน ถ้วย ถัง กะละมังแตกมาได้ขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะ "ใจ" เริ่มมา
ขาดก็แต่เมล็ดพันธุ์ ซองละ 15 บาท 1 ซองมีหลายร้อยเมล็ด ทีนี้ก็ปลูกเข้าไป ถ้ายังไม่ชำนาญก็หว่านๆ ลงไป เอาใบไม้แห้ง หญ้าแห้งข้างถนนมาคลุมเอาไว้ รดน้ำให้ชุ่ม พอผักเริ่มชูชันขึ้นมามีใบ 3-4 ใบ ก็ถอนๆ ต้นเล็กๆ ที่ไม่สมบูรณ์ออกบ้าง ย้ายต้นใหญ่ๆ ออกไปปลูกในกะละมังแตกบ้าง ตี 4 ตี 5 ก่อนไปทำงานก็รดน้ำซะหน่อย ไม่ผิดหลักการอะไร (ใช้หลักกู...หลักคนที่ปลูกนั้นล่ะเป็นที่ตั้ง)
ไม่นานนักเราจะได้ผัก กวางตุ้งที่เขียวสดใส กรอบ หวาน ไว้รับประทาน ความภูมิใจในตัวเองเริ่มจะเกิดขึ้น (ความรู้สึกนี้จะสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อได้ลงมือทำแล้วเท่านั้น)
เพียงเท่านี้ เราจะได้ส่วนหนึ่งของแหล่งอาหารของเราเอง ถามว่าจะกินแต่ผักตลอดปีหรือเปล่า? ใครอยากกินผักก็ปลูกแต่ผัก ไม่ได้มีข้อห้าม เพราะมันคือพื้นที่ของเรา ทุกอย่างสามารถปลูกในถ้วย ถัง กะละมังแตกที่หามาได้แทบทั้งนั้น
อาจไม่ได้ลดค่าใช้จ่ายลงมากมายสักเท่าใดนัก แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของการที่จะต่อยอดไปยังพืช ผัก อย่างอื่น ที่เราไม่ต้องซื้อหาเลย
พนักงานประจำก็ทำเกษตรได้ เกษตรในพื้นที่จำกัด เกษตรปลอดภัย โตไปไม่โกง...ผ่าม!!!!!!
ต้องหาโอกาส ลงมือปลูกบ้างแล้วละ